ยอดตายดินถล่มนอร์เวย์ ขยับเพิ่มเป็น 7 ศพ

ยอดตายดินถล่มนอร์เวย์ ขยับเพิ่มเป็น 7 ศพ

ยอดตายดินถล่มนอร์เวย์ ขยับเพิ่มขึ้น หลังจากที่เจ้าหน้าที่พบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 3 ศพ ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุดินถล่มขยับขึ้นมาเป็น 7 ศพ เมื่อวันที่ 4 มกราคม สำนักข่าว BBC รายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุดินถล่มที่หมู่บ้านอัสค์ เทศบาลแยร์ดรึม ทางตะวันออกของนอร์เวย์ ขยับเพิ่มขึ้นเป็น 7 ศพ หลังจากที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยพบร่างผู้เสียชีวิตอีก 3 ศพ เมื่อช่วงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่าพบ 3 ศพล่าสุดอยู่ใกล้กัน 

พร้อมระบุว่าทางเจ้าหน้าที่สามารถยืนยันตัวผู้เสียชีวิตได้แล้ว 5 ศพ โดยในกลุ่มผู้เสียชีวิตมีเด็กหญิงวัย 2 ขวบ และพ่ออายุ 40 ปีรวมอยู่ด้วย

ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังเร่งตามหาผู้สูญหายจากเหตุดินถล่มในครั้งนี้ อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ยอมรับว่าโอกาสจะพบผู้รอดชีวิตเริ่มริบหรี่ลงเรื่อยๆ ซึ่งสำนักข่าว BBC ระบุว่า การกู้ภัยเป็นอย่างยากลำบาก เนื่องจากอากาศที่หนาวจัด และสภาพพื้นดินที่ไม่ทนทานพอที่จะให้เจ้าหน้าที่สามารถเดินผ่านได้

ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเวลาประมาณตี 4 ของวันที่ 30 ธันวาคม ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับรายงานว่ารู้สึกว่าบ้านเคลื่อนไหว ซึ่งผู้ประสบภัยได้ให้สัมภาษณ์ว่าพวกเขาสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

โดยเหตุดินถล่มครั้งนี้ได้ทำลายบ้านเรือนไปแล้วมากกว่า 30 หลัง และมีประชาชนถูกอพยพจากพื้นที่แล้วอย่างน้อยพันกว่าคน ซึ่งสำนักข่าวท้องถิ่นคาดว่ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดดินถล่ม อย่างไรก็ตามพวกเขาได้ตั้งคำถามว่าเพราะเหตุใด ถึงมีการอนุญาตให้มีการสร้างอาคารบ้านเรือนในพื้นที่ดังกล่าว ขณะนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บแล้วอย่างน้อย 10 ราย

นาย นเรนทร โมที นายกรัฐมนตรีอินเดียกล่าวว่าการประกาศอนุมัติครั้งนี้ ถือเป็นจุดพลิกผันสำคัญในการต่อสู้กับโรคโควิด-19 ซึ่งประเทศอินเดียถือเป็นประเทศที่มียอดผู้ป่วยสะสมโรคโควิด-19 มากที่สุดเป็นอันดับสอง โดยในขณะนี้มียอดผู้ป่วยสะสมมากกว่า 10 ล้านราย

อย่างไรก็ตามการประชาชนและผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การประกาศอนุมัติใช้วัคซีน โควัคซิน เนื่องวัคซีนชนิดนี้ยังไม่มีข้อมูลถึงประสิทธิภาพในการต้านโควิด-19 และยังไม่ผ่านการทดลองกับอาสาสมัครในวงกว้าง

ด้าน องค์กรควบคุมมาตรฐานยากลาง ได้ออกมายืนยันว่า โควัคซิน นั้นปลอดภัยและสามารถป้องกันโรคโควิด-19 ได้จริง ซึ่งทางองค์กรยังได้ระบุอีกว่า การมีทางเลือกวัคซีนหลายชนิดจะเป็นเรื่องดี โดยเฉพาะการพบวัคซีนกลายพันธุ์ในหลายพื้นที่ของโลก รวมถึงประเทศอินเดีย

ราคา Bitcoin พุ่งต่อเนื่อง แตะ $30K แล้ว

ราคา ของ Bitcoin ยังคงพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง โดยได้มีการเพิ่มขึ้นของมูลค่าสูงสุดทะลุที่เคยได้บันทึกไว้ ซึ่งในตอนนี้นั้นอยู่ในระดับมูลค่าที่ 30,000 ดอลลาร์ และคาดว่าจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา สกุลเงินดิจิทัล Bitcoin ได้มีการเพิ่มขึ้นของมูลค่า / ราคา ของมันทะลุสถิติที่เคยได้บันทึกไว้ก่อนหน้านี้ โดยมันสามารถทำมูลค่าสูงขึ้นถึง 30,000 ดอลลาร์ได้เป็นครั้งแรกในต้นปีนี้ ซึ่งก็ทำให้นักลงทุนและนักวิเคราะห์ทั้งหลายคาดว่ามันจะเริ่มมาเป็นช่องทางในการใช้จ่ายที่ผู้คนนิยมใช้กันมากขึ้น

ราคาการแลกเปลี่ยนของ Cryptocurrency ที่เป็นที่นิยมที่สุดของโลกนั้น ได้จบสูงสุดอยู่ที่ 33,099 ดอลลาร์ (990,322.08 บาท) โดยเมื่อตลาดได้ทำการปิดตัวลงไปนั้น มูลค่าของมันก็ยังสูงขึ้นจากตอนเปิดตลาดถึง 12% ซึ่งก็อยู่ที่ 32,883 ดอลลาร์ (983,859.36 บาท)

ในปี 2020 นั้นราคาของ Bitcoin ได้เพิ่มขึ้นถึง 300%  และก็ถือว่าเป็นการก้าวกระโดดอย่างยิ่งที่ มูลค่านั้นได้เพิ่มขึ้นมาจากระดับ 20,000 ดอลลาร์เมื่อ 2 อาทิตย์ทีผ่านมา อีก 50%

สกุลเงิน Blockchain ต่าง ๆ นั้นได้เกิดขึ้นมาจะครบทศวรรษได้แล้ว และเมื่อเริ่มกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งในปี 2020 จากบรรดานักลงทุนในสหรัฐอเมริกา เนื่องด้วยคุณภาพของการป้องกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อของมัน และศักยภาพในการทำรายได้อย่างรวดเร็ว รวมไปถึงการคาดการณืที่ว่ามันจะเริ่มมาเป็นช่องทางในการใช้จ่ายที่ได้รับความนิยมในอนาคตอีกด้วย

Bitcoin นั้นถูกผลิตได้โดย “การถลุง” ผ่านคอมผิวเตอร์ที่จะทำการตรวจสอบชิ้นส่วนของธุรกรรมโดยการแก้ไขปัญหาทางคณิตศาสตร์ ที่ซึ่งได้มีการพัฒนาขึ้นมาจากแต่เดิมเป็นอย่างมาก

นอกจากประโยชน์ต่างๆ ที่ผู้คนมองเห็นในตัวของมันแล้ว บางส่วนยังมองว่ามันเป็นหลุมหลบภัย / การลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่นเดียวกับทองคำ ในช่วงวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19

Sergey Nazarov ผู้ร่วมก่อตั้ง Chainlink, โครงการ Blockchain ระดับโลกนั้น ได้กล่าวถึงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ว่า “มันมีความเป็นไปได้ว่ามูลค่าของสินทรัพย์นี้จะทะลุผ่านระดับ 100,000 ดอลลาร์ต่อเหรียญไปได้ในที่สุด”

เขายังได้กล่าวต่อว่า “เนื่องด้วยผู้คนเริ่มที่จะหมดศรัทธาอย่างต่อเนื่องมาเป็นปีในสกุลเงินของรัฐบาล และนโยบายการเงินที่เป็นผลมาจากผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัสนั้นก็เป็นเพียงแค่ตัวเร่งในการลดลงดังกล่าว”

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป