ดัชนี ตลาดหุ้นไทย (SET) เปิดตัว บวก 8.19 จุด คาดจาก แรงซื้อต่างชาติ

ดัชนี ตลาดหุ้นไทย (SET) เปิดตัว บวก 8.19 จุด คาดจาก แรงซื้อต่างชาติ

หลังจากที่ ตลาดหุ้นไทย ได้เปิดทำการเมื่อเวลา 10.00 น. ดัชนี SET ได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมา 8.19 จุด ทำให้ยอดแตะที่ 1,397.53 จุด โดยคาดว่าเป็นผลมาจาก แรงซื้อต่างชาติ ในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2563 ตลาดหุ้นไทย ได้เปิดทำการเมื่อเวลา 10.00 น. ยอดโดยรวมถือว่าเป็นไปได้ด้วยดี เนื่องจากเปิดตัวเป็นบวกในหลาย ดัชนี ที่สำคัญที่ก็คือ SET ที่ได้ทำการเปิดตัวมาด้วยการปรับตัวเพิ่มขึ้นมา 8.19 จุด ทำให้อยู่ในระดับ 1,397.53 จุด มีการคาดการณ์ว่าเป็นผลจาก แรงซื้อต่างชาติ ที่ทำให้ตลาดเปิดตัวมาในแนวทางดังกล่าว

ในขณะนี้ SET ได้ทำการอยู่ที่ระดับ 1,415.82 มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น +26.48 จุด มีระดับสูงสุดอยู่ที่ 1,420.89 และมีมูลค่าโดยรวม 60,037.96 ล้านบาท

ส่วนดัชนี SET50 นั้นอยู่ที่ 924.75 มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น +20.28 จุด และสูงสุดอยู่ที่ 928.70 และมีมูลค่าโดยรวมอยู่ที่ 39,436.67 ล้านบาท ทางด้านของดัชนี mai นั้นอยู่ที่ 322.33 มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ที่ +1.34 จุด และสูงสุดอยู่ที่ 323.78 มูลค่าโดยรวมอยู่ที่ 776.52 ล้านบาท

ทั้งนี้แล้วการเปิดตัวได้เป็นอย่างดีของตลาดหุ้นไทย มาจากกำลังซื้อของต่างชาติที่เข้ามาลงทุนสนับสนุน SET จากผลในความคืบหน้าของการพัฒนาวัคซีน Covid-19 รวมไปถึงความกังวลที่คลายลงไปจากมาตรการสกัดกั้นเงินบาทแข็งจากทางธนาคารแห่งประเทศไทยที่ถือว่า ไม่รุนแรง เท่าที่คาดไว้

ธนาคาร ออมสิน ได้มีการจัดโครงการ ออมสินเพื่อสมุย เพื่อทำการช่วยเหลือ คนในพื้นที่ ที่ได้ประสบกับปัญหาทางเศรษฐกิจที่เป็นผลต่อเนื่องจากการแพร่ระบาดของ Covid-19

ธนาคาร ออมสิน ได้มีการจัดทำโครงการ ออมสินเพื่อสมุย โดยให้มีการดำเนินการมอบหมายให้ทีมงานทั้งผู้บริหาร กรรมการสินเชื่อ และพนักงานออมสินกว่า 500 คน ลงพื้นที่ยัง อ. เกาะสมุย จังหวัด สุราษฎร์ธานี เพื่อให้ความช่วยเหลือทางด้านการเงินแก่ คนในพื้นที่ ผ่านการอนุมัติและมอบสินเชื่อแบบเร่งด่วนเป็นกรณีพิเศษ เนื่องด้วยการระบาดของ Covid-19

นอกจากในเรื่องของสินเชื่อแล้ว ยังมีการช่วยเหลือผ่านทางการมอบเงินทุนและสิ่งยังชีพแก่ผู้เดือดร้อน เปิดให้มีการจัดฝึกอาชีพสำหรับผู้ขาดรายได้ พร้อมกับจัดพื้นที่บูธให้ออกร้านฟรี สำหรับร้านค้าและ Street Food ของคนในพื้นที่สมุย โดยคาดว่าจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนช่วยพยุงไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท

ซึ่งกิจกรรมนี้จะจัดขึ้นในวันที่ 8-9 ธันวาคม 2563 ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล สมุย อำเภอ เกาะสมุย จังหวัด สุราษฎร์ธานี

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ได้เปิดเผยว่า แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของ Covid-19 ในประเทศไทยจะคลี่คลายลงไปบ้างแล้ว แต่ในระดับนานาชาติ สถานการณ์ยังคงไม่ดีขึ้นแต่อย่างใด การที่ยังไม่ทำการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวจึงเป็นหนทางเดียวที่ป้องกันการแพร่ระบาดครั้งใหม่ในประเทศได้

ด้วยการหายไปของนักท่องเที่ยวจากต่างชาติทำให้ส่งผลในทางลบต่อระบบเศรษฐกิจในวงกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่พึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นหลัก อย่างเช่นที่เกิดขึ้นในพื้นที่เกาะสมุย

ครม. เคาะงบเพิ่มเติมในส่วน เงินประกันรายได้ ข้าว เช็คได้วันที่ 23 พ.ย. นี้

ทางกระทรวงพาณิชย์ได้มีการเสนอ ครม. ในการอนุมัติเพิ่มงบประมาณให้เป็น 4.88 หมื่นล้านบาท ในการจ่ายส่วนต่างใน เงินประกันรายได้ ของราคา ข้าว โดยสามารถทำการตรวจสอบการจ่ายเงินได้ทันที หลังจากที่มีการอนุมัติอย่างเป็นทางการ

ข่าวล่าสุดในโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูก ข้าว 2563-64 นั้นก็คือทางกระทรวงพาณิชย์จะมีการเสนอให้ทางที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ( ครม. ) ในวันที่ 23 พ.ย. 2563 นี้ ว่าด้วยการอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติม เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายให้ธนาคารเพื่อการเกษตร และสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) นำไปจ่ายในส่วนต่างของ เงินประกันรายได้ จากเดิมที่ได้มีวงเงินไว้ 2.34 หมื่นล้าน มาเป็น 4.88 หมื่นล้านบาท

โดยนายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม รองอธิบดีรักษาการในตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ได้มีการระบุว่า ในการขอขยายวงเงินของโครงการประกันรายได้ข้าวนั้น ก็เพื่อที่ช่วยให้การจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรภายในโครงการนั้น ไม่สะดุดหรือหยุดชะงัก พร้อมทั้งยืนยันว่าในการจ่ายเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรในงวดที่ 2 นั้นยังคงมีงบประมาณเพียงพอต่อการจ่าย

ถึงกระนั้น ในการดำเนินการของโครงการ ทาง ธ.ก.ส. จะต้องดำเนินการจ่ายเงินเข้าในบัญชีของเกษตรกรที่ได้มีการลงทะเบียน และมีสิทธิจะได้รับเงินภายในระยะเวลา 3 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงในแต่ละรอบจากอนุกรรมการกำกับดู และกำหนดเกณฑ์กลางในการอ้างอิง

โดยได้มีการดำเนินการไปแล้วในวันที่ 16 พฤสจิกายน 2563 และได้ทยอยจ่ายเงินเพิ่มเติมให้แก่เกษตรกรจำนวน 3 ล้านรายที่ยังคงไม่ได้รับเงินส่วนต่างนั้น

ทั้งนี้ทาง ธ.ก.ส ได้มีการประเมินภายหลังจากทำการจ่ายเงินในรอบแรกไปแล้วว่า ยังคงมีความเสี่ยงที่ว่ารัฐบาลอาจจะมีงบไม่เพียงพอต่อการดำเนินการตามโครงการได้ เนื่องด้วยราคาข้าวเปลือกในตลาดเกือบทุกชนิดมีราคาที่ต่ำเป็นอย่างมาก ทำให้กรอบวงเงินเก่าอาจจะไม่เพียงพอ ทำให้จึงยังไม่มีมีการโอนเงินในส่วนของรอบที่ 2 เนื่องด้วยความกำงวลในแนวทางดำเนินการ

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป